top of page

ศาสตร์ ‘กลิ่นบำบัด’ หรือ Aroma therapy ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในช่วงนี้ เพราะการกลิ่นนั้นทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจากปัญหาต่างๆที่เจอในแต่ละวัน จากความเหนื่อยล้า ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจของเรารู้สึกดี แล้วกลิ่นไหนที่จะบำบัดความเครียดของเราได้ดีกันนะ วันนี้ LBM Health Care นำความรู้เกี่ยวกับกลิ่นที่ช่วยให้เราผ่อนคลายมาฝาก


  1. กลิ่นสะระแหน่ หรือมินต์ เป็นกลิ่นที่มีความหอมเย็น จึงช่วยให้ร่างกายตื่นตัวและเย็นสดชื่น อีกทั้งยังช่วยลดความรู้สึกเครียด ช่วยคืนความสดชื่น และที่สำคัญก็คือช่วยระงับอาการปวดศีรษะ ไมเกรน คลายความอ่อนล้า และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต บรรเทาอาการคลื่นไส้และวิงเวียนเมา

  2. กลิ่นลาเวนเดอร์ ถือเป็นกลิ่นแรกๆ ที่ถูกนำมาใช้บำบัดและผ่อนคลายความเครียดมากที่สุด นอกจากนี้ยังช่วยให้รู้สึกสดชื่น บรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน และความเหนื่อยล้าของสมองให้หลับสบายมากขึ้น อีกทั้งยังปรับสมดุลของจิตใจ ให้กลับมามีสมาธิจดจ่อมากขึ้น

  3. กลิ่นผลไม้ตระกูลซีตรัส หรือผลไม้ตระกูลมะนาว ไม่ว่าจะเป็นส้ม มะนาว เลม่อน ฯลฯ เป็นกลิ่นที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่นมากขึ้น นอกจากนี้กลิ่นของมะนาว ยังสามารถช่วยลดความเครียด และส่งผลดีต่ออารมณ์ด้านอารมณ์

  4. กลิ่นกุหลาบ ช่วยทำให้ผ่อนคลาย บรรเทาอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ บรรเทาอาการอ่อนเพลีย และช่วยทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวา และที่สำคัญที่สุดช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวลได้

  5. กลิ่นกระดังงา ช่วยให้จิตใจสงบได้มากขึ้น ส่วนคนที่มีปัญหานอนหลับยาก หรือนอนไม่หลับ การใช้กลิ่นบำบัดด้วยดอกกระดังงาก็จะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น และช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย

  6. กลิ่นโรสแมรี่ ช่วยกระตุ้นให้เรารู้สึกสดชื่น ตื่นตัวอยู่เสมอ ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ลดอาการปวดศีรษะ และลดภาวะความเครียดสะสมได้เป็นอย่างดี

  7. กลิ่นวานิลลา มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท ช่วยคลายความเครียด ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ "LBM Health Care" ได้ที่

Tel: 02-114-7635

Facebook: LBMHealthcare

Line shop: LBMHealthcare

Booda best: LBMHealthcare




Line: @lbmhealthcare

#สาระน่ารู้จากLBMhealthcare

#7กลิ่นบำบัดความเครียด

#ชะลอวัย #ต่อต้านแบคทีเรีย

#น้ำผึ้ง #ผิวสวย

#ความงาม #ฟื้นฟูผิว

#ดูแลผิว #บำรุงผิว

#ผ่อนคลายความเครียด #บำบัด

ผึ้งคือสิ่งมหัศจรรย์ เพราะผึ้งสามารถสร้างน้ำผึ้งให้เป็นสารอาหารสุดเลิศที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งประโยชน์ของน้ำผึ้งนั้นมีหลากหลาย ในวันนี้ทางเราจึงขอหยิบคุณสมบัติเด่นๆของ "น้ำผึ้งกับการต่อต้านแบคทีเรีย" มาเล่าให้ฟังกัน !!!!


โดยทั่วไปแล้วน้ำผึ้งเป็นน้ำหวานที่ได้จากดอกไม้ ซึ่งน้ำหวานที่ได้จากดอกไม้ เต็มไปด้วยน้ำตาลซูโครส กลูโคส และฟรักโตส โดยในระหว่างที่ผึ้งกำลังสะสมน้ำหวานไว้ในกระเพาะ ผึ้งก็จะทำการปล่อยเอนไซม์ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Invertase ซึ่งตัวเอนไซม์ชนิดนี้ ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลซูโครสเป็นน้ำตากลูโคสและฟรักโทส เจ้าตัวกลูโคสจะเกิดปฏิกิริยา Glucose Oxidase เปลี่ยนกลูโคสให้เป็นกรดกลูโคนิคและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ (Hydrogen Peroxide)

โดยตัว "กรดกลูโคนิค" จะทำให้น้ำผึ้งมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ในขณะเดียวกัน “ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide)” สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและต่อต้านแบคทีเรียได้ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อ แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวี ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้อีกด้วย ทางการแพทย์จึงนิยมนำน้ำผึ้งไปใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคผิวหนัง ชะลอวัย ช่วยให้ผิวเต่งตึง ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นได้ช้าลง นอกจากนี้ยังสามารถนำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางค์ และครีมบำรุงผิว ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวอ่อนนุ่มขึ้น


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ "LBM Health Care" ได้ที่

Tel: 02-114-7635

Facebook: LBMHealthcare

Line shop: LBMHealthcare

Booda best: LBMHealthcare




Line: @lbmhealthcare

#สาระน่ารู้จากLBMhealthcare

#แค่นอนหลับตื่นมาก็ผิวสวยได้เลย

#ชะลอวัย #ต่อต้านแบคทีเรีย

#น้ำผึ้ง #ผิวสวย

#ความงาม #ฟื้นฟูผิว

#ดูแลผิว #บำรุงผิว


ถ้าพูดถึงแสงแดดเมืองไทย บอกเลยว่าทาครีมกันแดดอย่างเดียวก็เอาไม่อยู่ แถมรังสี UV ยังเป็นตัวการร้ายที่ทำร้ายผิวให้หมองคล้ำ แสบ ร้อน ไหม้อีกด้วย และในวันนี้ LBM Health Care ขอมากระซิบเคล็ดลับฟื้นฟูผิวไหม้จากแดดมาฝาก



1. เจลหรือว่านห่างจระเข้ เป็นตัวช่วยปลอบประโลมผิวที่สามารถกู้ผิวที่ถูกเผาไหม้ได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี เช่น มาสก์เจลจาก LMB HealthCare สูตร ALOE PEPTIDE-1 ที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและทุกสภาพผิว อีกทั้งยังช่วยล็อคความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี

2. มอยเจอร์ไรเซอร์ สามารถบรรเทาอาการแห้งและสูญเสียน้ำของผิวได้อย่างล้ำลึก หากทาหลังจากอาบน้ำในขณะผิวหมาดๆ ยิ่งทำให้มอยเจอร์ไรเซอร์ ซึมเข้าผิวได้ไวและเร็วกว่าตอนผิวแห้ง

3. ประคบน้ำเย็น เป็นตัวช่วยระบายความร้อน และลดการอักเสบ แต่ควรหลีกเลี่ยงประคบด้วยน้ำแข็งในบริเวณที่เกิดผิวไหม้ เพราะน้ำแข็งจะทำลายผิวมากขึ้น

4. ครีมทาบำรุง ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น ฟื้นฟู และป้องกันไม่ให้ผิวลอก ทำให้หายเร็วยิ่งขึ้น

5. ดื่มน้ำเยอะๆ การดื่มน้ำเยอะๆ นอกจากจะช่วยเพิ่มความชื้อให้ผิวแล้ว ยังช่วยซ่อมแซมสภาพผิวที่เสียให้กลับมาแข็งแรงขึ้นได้

6. สวมเสื้อผ้าหลวมๆ เพื่อลดการเสียดสี ขณะที่เซลล์ผิวกำลังซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งจะทำให้ผิวหนังฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่

7. หลีกเลี่ยงการออกแดดกลางแจ้ง เนื่องจากผิวไหม้แดดจะมีความไวต่อแสง ทำให้ผิวบอบบางและอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย หรือหากต้องไปกลางแจ้งควรทาครีมกันแดด สวมเสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดดได้ดี


ข้อควรระวัง กรณีผิวลอกเป็นแผ่นๆ ห้ามลอกผิวบริเวณนั้น หรือกรณีมีตุ่มน้ำขึ้น ห้ามเจาะ ห้ามแกะ เนื่องจากตุ่มน้ำที่เกิดขึ้นจะช่วยป้องกันไม่ให้ชั้นผิวถัดไปเกิดการระคายเคือง


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ "LBM Health Care" ได้ที่

Tel: 02-114-7635

Facebook: LBMHealthcare

Line shop: LBMHealthcare

Booda best: LBMHealthcare




Line: @lbmhealthcare

#สาระน่ารู้จากLBMhealthcare

#ฟื้นฟูผิวไหม้จากแสงแดด

#กู้ผิวที่ถูกเผาไหม้

#หน้าสวยผิวใส

#ซ่อมแซมเซลล์ผิว

#บำรุงผิวให้ชุ่มชื่น

  • Instagram
  • Facebook
  • TikTok
LBM.jpg
LIFE.jpg
lab.jpg
AABB.png
ISCT.jpg
ISO.png
bottom of page