มาส์กหน้า

น้ำผึ้งกับการต่อต้านแบคทีเรีย

ผึ้งคือสิ่งมหัศจรรย์ เพราะผึ้งสามารถสร้างน้ำผึ้งให้เป็นสารอาหารสุดเลิศที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งประโยชน์ของน้ำผึ้งนั้นมีหลากหลาย ในวันนี้ทางเราจึงขอหยิบคุณสมบัติเด่นๆของ "น้ำผึ้งกับการต่อต้านแบคทีเรีย" มาเล่าให้ฟังกัน !!!!

โดยทั่วไปแล้วน้ำผึ้งเป็นน้ำหวานที่ได้จากดอกไม้ ซึ่งน้ำหวานที่ได้จากดอกไม้ เต็มไปด้วยน้ำตาลซูโครส กลูโคส และฟรักโตส โดยในระหว่างที่ผึ้งกำลังสะสมน้ำหวานไว้ในกระเพาะ ผึ้งก็จะทำการปล่อยเอนไซม์ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Invertase ซึ่งตัวเอนไซม์ชนิดนี้ ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลซูโครสเป็นน้ำตากลูโคสและฟรักโทส เจ้าตัวกลูโคสจะเกิดปฏิกิริยา Glucose Oxidase เปลี่ยนกลูโคสให้เป็นกรดกลูโคนิคและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซต์ (Hydrogen Peroxide)

โดยตัว "กรดกลูโคนิค" จะทำให้น้ำผึ้งมีความเป็นกรดเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ในขณะเดียวกัน “ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide)” สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและต่อต้านแบคทีเรียได้ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อ แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวี ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้อีกด้วย ทางการแพทย์จึงนิยมนำน้ำผึ้งไปใช้ประโยชน์ในการรักษาโรคผิวหนัง ชะลอวัย ช่วยให้ผิวเต่งตึง ทำให้เกิดรอยเหี่ยวย่นได้ช้าลง นอกจากนี้ยังสามารถนำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางค์ และครีมบำรุงผิว ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวอ่อนนุ่มขึ้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ "LBM Health Care" ได้ที่

Tel: 02-114-7635

Facebook: LBMHealthcare

Line shop: LBMHealthcare

Shopee: LBMHealthcare

Lazada: LBMHealthcare

Booda best: LBMHealthcare

Line: @lbmhealthcare

#LBMhealthcare

#สาระน่ารู้จากLBMhealthcare

#แค่นอนหลับตื่นมาก็ผิวสวยได้เลย

#ชะลอวัย #ต่อต้านแบคทีเรีย

#น้ำผึ้ง #ผิวสวย

#ความงาม #ฟื้นฟูผิว

#ดูแลผิว #บำรุงผิว

10 มาส์กหน้าที่คู่ควรกับผิวหน้าของคุณ

ไม่ว่าจะผิวแห้ง ผิวมัน หมองคล้ำ แพ้ง่าย หรือหน้าเป็นสิว รู้หรือไม่ว่าเราสามารถเลือกมาส์กที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าได้ถึง 10 แบบเชียวนะ

1. มาสก์แบบครีม เหมาะกับหน้าที่ต้องการบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น ช่วยผลักวิตามินให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น โดยส่วนใหญ่เนื้อครีมจะข้น และมีส่วนผสมของน้ำมันอยู่ในเนื้อครีม

2.มาสก์แบบผง เหมาะกับหน้าที่ต้องการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ส่วนใหญ่มาส์กชนิดนี้ มักถูกสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ และจำเป็นต้องใช้น้ำส่วนผสมกับผงมาส์กเป็นหลัก

3.มาสก์แบบโคลน เหมาะกับผิวธรรมดาและผิวมัน โดยเน้นการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก เนื้อสัมผัสเหมือนครีม แต่มีสีเข้มเหมือนโคลน เมื่อพอกทิ้งไว้จะรู้สึกตึงๆ ผิว

4.มาสก์แบบเจล เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและทุกสภาพผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เน้นกระตุ้นให้ผิวขาวสว่าง และลดรอยหมองคล้ำบนใบหน้า ลักษณะเนื้อมาส์กมีความข้นใส และให้เนื้อสัมผัสที่เบาบาง เช่น มาสก์เจลจาก LMB Healthcare ที่มีให้เลือกถึง 4 สูตร ได้แก่ ALOE PEPTIDE-1, COLLAGEN, TRANEXAMIC ACID 3%, VITAMIN C

5.มาสก์แบบบับเบิ้ล เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดปัญหาสิว ผิวมัน และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ตัวมาส์กเน้นการทำความสะอาดที่ล้ำลึกช่วยให้ผิวสะอาดขึ้น เหมือนได้ทำดีท็อกซ์ผิวไปในตัว ซึ่งมีให้เลือกแบบแผ่นมาสก์และแแบบเนื้อครีม โดยลักษณะพิเศษของมาส์กเนื้อจะเกิดฟองฟู เมื่อถูกนำมาใช้งาน

6.มาสก์แบบดินเหนียว เหมาะกับผิวมัน สามารถช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกิน ดูดซับสารพิษ และสิ่งสกปรกที่ตกค้างได้เป็นอย่างดี ทำให้รูขุมขนเล็กลง ลักษณะเนื้อขาวนุ่ม

7.มาสก์แบบอุ่น เหมาะกับผิวที่ต้องการความผ่อนคลาย ลดอาการเหนื่อยล้า และความเครียด รวมทั้งอาการบวมใต้ตา โดยมาสก์ชนิดนี้เมื่อทาลงบนผิวหน้าจะให้ความรู้สึกอุ่น เพื่อช่วยให้เส้นเลือดบริเวณผิวหน้าขยายชั่วคราว ทำให้การไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีขึ้น

8.มาสก์ชีท หรือแผ่นมาสก์หน้าแบบสำเร็จรูป เหมาะกับทุกสภาพผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และหน้าผิวฉ่ำวาวยิ่งขึ้น โดยจะเคลือบเซรั่มหรือสารสกัดที่บำรุงผิวไว้ในแผ่นมาส์ก

9.มาสก์แบบลอก เหมาะสำหรับคนผิวมัน และช่วยลดปัญหาสิวเสี้ยน ตัวมาส์กสามารถดูดสิ่งสกปรกในรูขุมขนได้ดี เมื่อทามาส์กไปสักพัก เนื้อจะแห้ง และสามารถลอกได้

10.มาสก์แบบขัดผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผิวเรียบเนียนและกระจ่างใส ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบครีมและแบบเจล โดยความพิเศษของมาส์กชนิดนี้คือการใช้เม็ดบีดส์หรือเม็ดสครับ เข้ามาช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ดียิ่งขึ้น