ปัจจุบันการใช้สเต็มเซลล์ทางด้านความงามเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ในการรักษาฟื้นฟูผิวหน้าและผิวกายด้วยสเต็มเซลล์ให้อ่อนเยาว์มากขึ้น Facial Stem Cell Therapy คือ การกระตุ้นการสร้าง Collagen ซ่อมแซมเซลล์ผิวหน้าที่เสื่อมสภาพ (Aging Skin, Dehydrated skin) ด้วย Mesenchymal Stem Cell เซลล์ชนิดนี้หลั่งสาร Growth Factors และ Cytokines ต่างๆ เช่น Fibroblast Growth Factor (FGF) , Epidermal Growth Factor (EGF) , Endothelial Vascular Growth Factors (VEGF) Platelet Derived Growth Factor (PDGF) เป็นต้น โดยสเต็มเซลล์จะทำหน้าที่ในระดับชั้นผิวหนังต่างๆ ดังนี้
- Mesenchymal Stem Cell จะแทรกเข้าไปแทนที่เซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพและถูกทำลายไป และหลั่งสารชีวโมเลกุลต่างๆ ไปกระตุ้นการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์ในชั้นผิวหนังต่างๆ เช่น ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) คือ Epithelial Cells และ Keratinocyte ชั้นหนังแท้ (Dermis) คือ Fibroblasts และชั้นไขมัน (Hypodermis หรือ Subcutaneous) คือ Adipocyte สเต็มเซลล์จะไปกระตุ้นเซลล์ต่างๆ ดังกล่าว ในตำแหน่งที่ฉีดและบริเวณใกล้เคียงให้มีการเพิ่มจำนวนมากขึ้น ส่งผลทำให้เซลล์บนผิวหน้าแน่นขึ้น อวบอิ่มกระชับ สดใสเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้เป็นอย่างดี
- Mesenchymal Stem Cell สามารถหลั่ง PDGF และ VEGF กระตุ้นการสร้างหลอดเลือดฝอย เพิ่มการหมุนเวียนของเลือดบริเวณใบหน้า ส่งผลให้การซ่อมแซมเซลล์ผิวหน้าได้ดีขึ้น ทำให้ใบหน้าสดใส มีเลือดฝาด มีน้ำมีนวลดูสุขภาพดี
- นอกจากนี้ Mesenchymal Stem Cell ยังสามารถหลั่งสาร Collagen ชนิดต่างๆ รวมไปถึงการกระตุ้นการสร้าง Collagen และ Elastin ทำให้ผิวหน้ามีการปรับโครงสร้างของ Collagen และ Elastin ใหม่ ส่งเสริมการหายของแผลต่างๆ ช่วยให้ผิวหน้ายืดหยุ่นตึงกระชับ สดใส เรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอย
การประยุกต์ Mesenchymal Stem Cells ในด้านความงาม
การประยุกต์ใช้ในการรักษาทางด้านความงาม Mesenchymal Stem Cells มีการศึกษาพบว่าสเต็มเซลล์สามารถใช้ร่วมกับ Platelet Rich Plasma (PRP) และ Growth Factors ต่างๆ ได้ ส่วน Placenta Growth Factors หรือ Human Placenta Extracts เป็นสารสกัดที่อุดมไปด้วยสารชีวโมเลกุลต่างๆ ที่มีการศึกษาวิจัยแล้วพบว่าสารเหล่านี้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษาทางด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูและความงาม ดังนั้น Human Placenta Extract ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับสเต็มเซลล์ได้ เป็นเสมือน Bio Filler เพื่อทำ Stem Cell Face Lifting การทำงานร่วมกันของสเต็มเซลล์และสารสกัดจากรกทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาปัญหาด้านผิวพรรณ ปัจจุบันในกลุ่มแพทย์ความงาม และศัลยกรรมตกแต่งเริ่มมีการประยุกต์ใช้ในทางคลินิก โดยนำไปใช้หลังทำการทำศัลกรรมตกแต่งบริเวณใบหน้า เต้านม หรือ การผ่าคลอด ซึ่งพบว่าได้ผลดี ทำให้การหายของแผลเร็วขึ้น ลดการอักเสบและติดเชื้อ ป้องกันการเกิดแผลเป็นหลังผ่าตัด (Hypertrophic Scar) ได้เป็นอย่างดี การประยุกต์ใช้นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์เท่านั้น
รูปที่ 1 a) ผิวหนังประกอบไปด้วย ชั้นผิวหนังกำพร้า (Epidermis) ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Hypodermis or subcutaneous).ชั้นหนังแท้ประกอบไปด้วย Fibroblast, Blood Vessel, Immune Cells, Sensory Nerve Cells, Adipocyte ลึกลงไปใต้ชั้นหนังแท้ (Hypodermis) หรือ Subcutaneous ประกอบไปด้วยเซลล์ไขมัน (Adipocyte, Adipose Tissue)
b) เมื่อบาดแผลเกิดขึ้นร่างกายจะมีกลไกการห้ามเลือด (Haemostasis) เพื่อหยุดเลือดและเกิดกระบวนการอักเสบ (0-3 วัน) การแข็งตัวของเลือดจะเกิด Fibrin Clot ป้องกันการสูญเสียเลือด และเป็นโครง (Scaffold) สำหรับเซลล์ต่างๆ เช่น Immune Cells, Dermis, Epidermal Cells และ Stem Cells เดินทาง (Migrate) ไปบริเวณที่มีการบาดเจ็บ
c) ในระยะการแบ่งตัว (Proliferation Phase; 4-21 วัน) Keratinocytes, Fibroblasts, และ Endothelial Cells จะเดินทาง (Migrate) ไปที่บริเวณที่มีบาดแผล และมีการจัดเรียงของ Extracellular Matrix ใหม่
d) ในระยะปรับเปลี่ยนใหม่ (Remodelling Phase; 21 วัน -1 ปี) เป็นระยะสุดท้ายของการหายของแผล Collagen ในชั้น Dermis จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้แก่เนื้อเยื่อ และเซลล์ที่เสียหายจากการบาดเจ็บก็จะถูกกำจัดไป
ในบาดแผลภายนอกเล็กๆ ในหนู Hair Follicle จะไม่มีการ Regenerate และ Dermal Scar Tissue
References
1. Dekoninck, S., and Blanpain, C. (2019). Stem cell dynamics, migration and plasticity during wound healing. Nature Cell Biology, 21(1), 18–24. doi:10.1038/s41556-018-0237-6
2. Fan, D., Xia, Q., Wu, S., Ye, S., Liu, L., Wang, W., Guo, X., Liu, Z. (2018) Mesenchymal stem cells in the treatment of Cesarean section skin scars: study protocol for a randomized, controlled trial. Trials. 19(1):155. doi: 10.1186/s13063-018-2478-x.
3. Nath, S, and Bhattacharyya, D. (2007) Cell adhesion by aqueous extract of human placenta used as wound healer.Indian J Exp Biol. 45(8):732-8.
4. Kim, WS., Park, BS., Park, SH., Kim, HK., Sung, JH. (2009) Antiwrinkle effect of adipose-derived stem cell: activation of dermal fibroblast by secretory factors. J Dermatol Sci. 53(2):96-102. doi:10.1016/j.jdermsci.2008.08.007.
5. Samberg, M., Stone, R., Natesan, S., Kowalczewski, A., Becerra, S., Wrice, N., Cap, A., Christ,y R. (2019) Platelet rich plasma hydrogels promote in vitro and in vivo angiogenic potential of adipose-derived stem cells. Acta Biomater. pii: S1742-7061(19)30059-5. doi: 10.1016/j.actbio.2019.01.039.
6. Lei, XX., Xu, PC., Zhang, L., Pang, MR., Tian, J., Cheng, B. (2018) Effects of human adipose-derived mesenchymal stem cells and platelet-rich plasma on healing of wounds with full-thickness skin defects in mice]. Zhonghua Shao Shang Za Zhi. 34(12):887-894. doi: 10.3760/cma.j.issn.1009-2587.2018.12.013.
7. Mahajan, VP., Abbasi, Z., Subramanian, S., Parab, HC., Danke, A. (2017) Regenerative Medicine Using Platelet Rich Plasma and Stem Cells in Atrophic Acne Scars: A Case Report. J Cosmo Tricol. 3:2 DOI: 10.4172/2471-9323.C1.002
Comments